'โอเว่น' สุดเจ็บปวด 'แอนฟิลด์' ไม่ต้อนรับ
ไมเคิ่ล โอเว่น ตำนานกองหน้า ลิเวอร์พูล ยอมรับรู้สึกเจ็บปวดอย่างแรงที่ไม่ได้รับการต้อนรับและความรักเมื่อกลับไปยัง แอนฟิลด์ รังเหย้าสโมสรเก่า ภายหลังย้ายออกไปอยู่ เรอัล มาดริด ตั้งแต่ 20 ปีก่อน
วันพุธนี้ "หงส์แดง" กับ "ราชัน" สองทีมเก่า โอเว่น เตรียมเจอกันใน แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ที่สนาม แอนฟิลด์ แล้วก่อนเกม อดีตแข้งดีกรีบัลลงดอร์ สัมภาษณ์เปิดใจ:
"ผมไม่รู้สึกได้รับการต้อนรับ หรือได้รับความรักจากที่นี่ มันทำให้ผมโคตรเจ็บปวด ผมจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการไป แอนฟิลด์" โอเว่น ในวัย 44 ปี เริ่มกล่าว
"ในใจผมยังมีความภูมิใจสุดๆ เมื่อไป แอนฟิลด์ แต่ผมไม่ชอบทำแบบนั้น นอกจากเป็นการทำงาน ผมเคยแทบเอาหน้ามุดดิน เมื่อขับรถไปหาเพื่อนที่อคาเดมี่ แต่ตอนนี้ผมบอกตัวเองว่าไม่ควรรู้สึกแบบนั้น"
"ผู้คนบอกว่าเป็นเพราะผมเซ็นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ทั้งโลกรู้ว่า นั่นคือการเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ ความจริงคือมันมีความไม่พอใจในตัวผม ตั้งแต่ตอนอยู่ นิวคาสเซิล ถึงแม้ในสัญญาจะใส่เงื่อนไขให้ย้ายกลับ ลิเวอร์พูล ได้ทุกซัมเมอร์"
"ประเด็นเรื่อง ยูไนเต็ด สามารถใช้เล่นงานผมได้มากกว่า แต่ตอนผมไป แอนฟิลด์ ในฐานะผู้เล่น นิวคาสเซิล ก็มีแฟนบอลหลักพันส่งเสียงโห่ใส่ ผมไม่สามารถลืมความรู้สึกของตัวเอง, ครอบครัว และเพื่อนที่ ลิเวอร์พูล ในตอนนั้น"
"ใจผมรู้ดีว่าตัวเองไม่แตกต่างจาก เทรนท์, สตีฟ แม็คมานามาน, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, เจมี่ คาร์ราเกอร์ และ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ในแง่ที่ว่าเราเติบโตจากอคาเดมี่ และจะยังรักสโมสรนี้อย่างสุดใจอยู่เสมอ"
โอเว่น เข้าอคาเดมี่ "หงส์แดง" ตั้งแต่ 12 ขวบ จากนั้นขึ้นสู่ชุดใหญ่ในปี 1997 รับใช้ทีมอยู่ 7 ฤดูกาล นอกจากบอลทองคำแล้ว ยังช่วยทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ และ ยูฟ่า คัพ
"การตัดสินใจตอนปี 2004 กลายเป็นคำจำกัดความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ ลิเวอร์พูล" โอเว่น เผยต่อถึงเบื้องหลังการย้าย: "เรอัล มาดริด คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ แต่ผมไม่มีความคิดหรือความฝันเกี่ยวกับการเล่นให้พวกเขา"
"ตอนที่รู้ว่า มาดริด ให้ความสนใจ อารมณ์ของผมยังกำกึ่ง ผมภูมิใจที่สโมสรระดับนั้นให้ความสนใจ ผมคิดอยู่เกือบสัปดาห์และตัดสินใจย้าย"
"ผมคุยกับ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมและ ริค แพร์รี่ ซีอีโอสโมสรตอนนั้น มันเหมือนการตกลงกันว่าผมจะย้ายไป 1-2 ปีจากนั้นค่อยกลับมา"
"นั่นคือสิ่งที่จิตใต้สำนึกผมต้องการ ผมไม่อยากย้ายออก ลิเวอร์พูล มากนัก ขณะเดียวกัน ผมก็สงสัยว่าตัวเองจะเสียใจมั้ยหากไม่พยายามทำแบบนั้น"