ฟื้นจากหลุม!! แมนยูฯ โกงความตาย "แม็คโทมิเนย์" ลงมาเบิ้ล แซงเบรนท์ฟอร์ด ช่วงทดเจ็บ

                                                                       เครดิตภาพจาก Facebook : Manchester United

เอริค เทน ฮาก เฮดโค้ชของยูไนเต็ด พยายามจัดผู้เล่นที่ดีที่สุด(เท่าที่มีอยู่) ลงสนาม ในเกมนี้ นำทัพโดย บรูโน่ แฟร์นันเดส (กับตันทีม), คาเซมิโร่, เมสัน เมาท์, โซฟียาน อัมราบัต,มาคัส แรชฟอร์ด และ ราสมุส ฮอยลุนด์ ขณะที่กองหลังเรียกว่าตัวหลักเจ็บทั้งแถบ จนต้องใช้บริการของ จอนนี่ อีแวนส์ ยืนคู่กับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ แล้วโยก วิคตอร์ ลินเดอร์เลิฟ ไปยืนแบ็คซ้าย ส่วนแบ็คขวา ยังเป็นของ ดีโอโก ดาโลต์ ขณะที่ผู้รักษาประตู เทน ฮาก ยังคงไว้ใจ อองเดร โอนาน่า ลงเฝ้าเสาเช่นเคย

                                                                       เครดิตภาพจาก Facebook : Manchester United

ครึ่งแรก

รูปเกมค่อนข้างจะอึดอัด คือถึงแม้ว่า ปีศาจแดงเจ้าบ้านจะครองบอลทำเกมได้มากกว่าผู้มาเยือนเล็กน้อย แต่ก็หาจังหวะจบแบบจะๆแจ้งๆไม่ได้สักที ขณะที่เบรนท์ฟอร์ด ที่ตั้งรับ รอสวน มีโอกาสลุ้นเสียวๆบ่อยครั้งกว่าซะด้วยซ้ำ จนกระทั่งเข้าสู่นาทีที่ 26' คาเซมิโร่ จ่ายบอลพลาดบริเวณกลางสนาม โยอาน วิสซา กระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนที่จะผ่านบอลให้เพื่อน กองหลังแมนยูพยายามสะกัดแต่บอลทะลักมาเข้าทาง มาทิอัส เยนเซน จะวิ่งมาซัด บอลไม่ได้แรงและหนีมือ อองเดร โอนาน่า เท่าไหร่นัก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผ่านมือของผู้รักษาประตูของปีศาจแดงเข้าไปได้  ทำให้เบรนท์ฟอร์ดขึ้นนำยูไนเต็ด 1 : 0 ประตู  เวลาที่เหลือ แมนยูฯ พยายามครองบอลเจาะเกมรับของเบรนท์ฟอร์ดเพื่อตีเสมอ แต่ดูเหมือนจะยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ โดยเฉพาะ "ดร.แรช" มาคัส แรชฟอร์ด นี่แทบไม่ได้แสดงความเฉียบคมให้เห็นเลย ทำให้จบครึ่งแรกที่สกอร์นี้

ครึ่งหลัง

แมนยูฯ เปลี่ยนเอา คริสเตียน อีริคเซ่น ลงมาเล่นแทน คาเซมิโร่ ที่เกมนี้เป็นอีกเกมที่เขาเล่นได้ค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐานที่ตัวเองเคยทำเอาไว้ และรูปเกมในครึ่งหลังนี้ เป็นทางฝั่งปีศาจแดงที่เป็นฝ่ายครองบอลบุกได้มากกว่า ขณะที่เบรนท์ฟอร์ดเองก็ถอยลงไปรับลึก รอสวนอย่างเดียว แต่เวลาล่วงเลยไปจนถึงครึ่งทางของครึ่งหลัง เอริค เทน ฮาก ก็เปลี่ยนทีเดียว 2 คนรวด โดยเปลี่ยน อาเลฆันโดร การ์นาโช่ ลงไปแทน มาคัส แรชฟอร์ด และเปลี่ยน แอนโทนี่ ลงไปแทน เมสันเมาท์  และเหมือนว่าความเร็วของทั้งสองคน จะสร้างความปั่นป่วนให้กับเกมรับของเบรนท์ฟอร์ดได้บ้าง แต่ด้วยความที่ยังขาดความแน่นอน ก็เลยยังทำอะไรเบนท์ฟอร์ดไม่ได้อยู่ดี แม้จะเปลี่ยน อองโตนี่ มาซิยาล ลงมาแทน ลินเดอเลิฟ เพื่อเพิ่มมิติในแนวรุก แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น  กลับเป็นเบรนท์ฟอร์ดที่อาศัยความผิดพลาดของแมนยูฯ สวนกลับสร้างความหวาดเสียวได้เป็นระยะๆ

จนเข้าสู่นาทีที่ 87' เอริค เทน ฮาก ตัดสินใจส่ง สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงมาแทน อัมราบัต แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเจาะแนวรับของเบรนท์ฟอร์ดไม่ได้สักที และเกมทำท่าว่าชัยชนะนัดนี้กำลังจะตกเป็นของผู้มาเยือน  ผู้ช่วยผู้ตัดสินข้างสนามยกป้ายทดเวลา 6 นาที  

                                                                         เครดิตภาพจาก Facebook : Manchester United

นาทีที่ 90+3' การ์นาโช่ กระชากบอลมาทางฝั่งซ้าย ก่อนที่จะตวัดมาหน้ากรอบเขตโทษ แม็คโทมิเย์ วิ่งมาซัดด้วยซ้าย แต่ โทมัส สตราโคช่า ผู้รักษาประตูเบรนท์ฟอร์ดเซฟไว้ได้ กองหลังเบนท์ฟอร์ดพยายามสะกัดให้พ้นปากประตู แต่บอลก็ไปเข้าทางแม็คโทมิเนย์ ดูดบอลลงหนึ่งจังหวะแล้วตะบันเข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้แมนยูฯตีเสมอเบรนท์ฟอร์ดเป็น 1 : 1 ประตู โมเมนตั้มเทมาฝั่งปีศาจแดง

และแล้วช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย นาทีที่ 90+7'  แมนยูฯ ได้ฟรีคิกบริเวณเกือบๆกลางสนาม บรูโน่ บอมบ์เข้าไปลุ้นในเขตโทษ แฮรรี่ แม็คไกวร์ โหม่งชงไปที่บริเวณเส้น 5 หลา แล้วก็เป็น สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ เจ้าเก่าเจ้าเดิม สอดขึ้นมาโหม่งเปลี่ยนทาง เข้าประตูไป ชนิดที่ช็อคทั้งผู้เล่นและแฟนบอลของเบรนท์ฟอร์ดกันเลยทีเดียว เพราะประตูนี้แทบจะเป็นประตูชัยของปีศาจแดงแบบ 100% ก็ว่าได้ เพราะทดเวลาไปจนครบแล้วนั่นเอง และก็เป็นไตามนั้น เพราะทันที่ที่ เบรนท์ฟอร์ด เขี่ยลูกเริ่มเล่น ผู้ตัดสินก็เป่านกหวีดหมดเวลาแทบจะทันที  ทำให้จบเกม แมนยูฯ  ชนะเบรนท์ฟอร์ดไปแบบสุดราม่า 2 :1 ประตู ซึ่งนอกจากจะเป็นการคว้า 3 แต้มในบ้านได้แล้ว ยังเป็นการคว้า "เก้าอี้" ผู้จัดการทีมของ เอริค เทน ฮาก เอาไว้อีก(สักระยะ) ด้วย