วินิขานรับ! ‘ยามาล’ เดือดท้า ‘ราชัน’ เคลียร์นอกสนาม
ศึก “เอล กลาซิโก้” ระหว่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ยังไม่จบแค่ในสนาม เมื่อมีรายงานจากสื่อสเปนว่า ลามีน ยามาล ปีกดาวรุ่งวัย 18 ปีของบาร์ซ่า ได้มีปากเสียงกับ วินิซิอุส จูเนียร์ ดาวเตะตัวจี๊ดของ “ราชันชุดขาว” หลังจบเกม พร้อมท้ากัน “ไปเคลียร์ข้างนอก” ก่อนที่เพื่อนร่วมทีมจะเข้ามาห้ามไว้
🔥 ปะทุหลังเกมเดือด
แมตช์ “เอล กลาซิโก้” ล่าสุดจบลงด้วยชัยชนะของ เรอัล มาดริด 2-1 ทำให้ทิ้งห่างจ่าฝูงลาลีกาเพิ่มเป็น 5 คะแนน โดยในเกมนี้ ยามาล ลงเล่นครบ 90 นาทีแต่ไม่สามารถมีส่วนร่วมกับประตูได้
หลังสิ้นเสียงนกหวีดจบเกม สื่อดัง Marca และ AS รายงานตรงกันว่า ความเดือดปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อ ดานี่ คาร์บาฆาล เดินเข้าไปต่อว่ายามาล พร้อมพูดว่า
“พูดมากแบบนี้ ก็ต้องยอมรับผลด้วยนะ”
จากนั้น ยามาลตอบโต้ด้วยอารมณ์ร้อนและตะโกนท้าทายว่า
“ไปเจอกันข้างนอกสิ!”
ขณะนั้นฝั่งเพื่อนร่วมทีมของทั้งสองฝ่ายเริ่มเข้ามารุมดึงแยก แต่เหตุการณ์กลับไม่จบง่าย ๆ เพราะ วินิซิอุส จูเนียร์ ซึ่งกำลังเดินเข้าอุโมงค์สนาม ได้ตะโกนตอบกลับว่า
“นายพูดมากไป!” และ “นายเอาแต่ส่งคืนหลังอย่างเดียว!”
คำพูดดังกล่าวยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นไปอีก โดย Times of India รายงานว่า ยามาลถึงขั้นพยายามเดินเข้าไปหา วินิซิอุส เพื่อจะ “เคลียร์กันให้จบ” แต่เพื่อนร่วมทีมและเจ้าหน้าที่สนามรีบเข้ามาห้ามไว้ทัน ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกแยกเข้าห้องแต่งตัวคนละทาง
⚽ จุดเริ่มต้นจากคำพูดก่อนเกม
ก่อนเกมเอล กลาซิโก้ จะเริ่ม ยามาลเพิ่งถูก Reuters เผยบทสัมภาษณ์ที่สร้างกระแสใหญ่ โดยแข้งบาร์ซ่าวัย 18 ปีรายนี้พูดพาดพิงเรอัล มาดริดว่า
“พวกเขาบ่นเก่ง... และบางครั้งก็ได้สิ่งที่ต้องการจากกรรมการ”
คำพูดนั้นกลายเป็นเชื้อไฟชั้นดีให้เกมนี้เต็มไปด้วยความเดือดทั้งในและนอกสนาม
🗣️ ฝั่งมาดริด-บาร์ซ่าพยายามเบรกกระแส
หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ชาบี อลอนโซ่ กุนซือของมาดริด ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
“ผมไม่สนใจคำพูดก่อนหรือหลังเกม สิ่งเดียวที่สำคัญคือสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม”
ขณะที่บาร์เซโลน่าปฏิเสธให้ความเห็นเพิ่มเติม โดยระบุเพียงว่าทีมจะไม่ออกแถลงใด ๆ เพิ่มเติมในเรื่องนี้
🧊 บรรยากาศเดือดแต่ไร้เหตุรุนแรง
แม้จะมีการปะทะทางวาจา แต่รายงานยืนยันว่าไม่มีเหตุรุนแรงหรือการลงไม้ลงมือเกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่สนามสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทันเวลา
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้สะท้อนความตึงเครียดระหว่างนักเตะดาวรุ่งของทั้งสองทีม ซึ่งอาจกลายเป็น “คู่แข่งตัวใหม่” ที่เพิ่มความร้อนแรงให้ศึกเอล กลาซิโก้ในอนาคต