จากผู้ร้าย กลายเป็น ฮีโร่ !! "โอนาน่า" เซฟจุดโทษนาทีสุดท้าย ช่วยแมนยูฯ คว้า 3 แต้มแรก
การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2023/24 รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 3 ของกลุ่ม A "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 8 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ โคเปนเฮเก้น จ่าฝูงของศึก เดนนิช ซูเปอร์ลีก ในค่ำคืนวันพุธที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ปรากฎว่า ปีศาจแดง เฉือนชนะ ผู้มาเยือนจากเดนมาร์คได้อย่างหวุดหวิด 1 : 0 ประตู โดยจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดนอกเหนือจากประตูของ แฮรรี่ แม็คไกวร์ แล้วก็คือการที่ "อองเดร โอนาน่า" ผู้รักษาประตู ของเจ้าบ้าน งัดฟอร์มเทพ เซฟจุดโทษในนาทีสุดท้ายช่วยให้ทีม เก็บ 3 แต้มแรก ในการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้สำเร็จ นั่นเอง หลังจากที่ 2 นัดก่อนหน้านี้ เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงฟอร์มการเล่นที่ผิดพลาดง่ายๆ จนทำให้ "ปีศาจแดง" พ่ายแพ้ในรายการนี้ 2 นัดติดต่อกัน
Photo credit : Facebook : Manchester United
ครึ่งแรก ปีศาจแดงไม่ได้กุมความได้เปรียบในฐานะเจ้าบ้านสักเท่าไหร่ รูปเกมออกไปทางสูสี และเป็นทางฝั่งผู้มาเยือนอย่าง โคเปนเฮเก้น ที่มีโอกาสทำประตูได้จะแจ้งกว่าเจ้าบ้านซะด้วยซ้ำ แต่ทว่าภาพรวมก็ยังทำอะไรไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันด้วยกันทั้งคู่ โดยครึ่งแรก แมนยูฯ สร้างโอกาสยิงไป 5 ครั้ง ตรงกรอบแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ขณะที่ โคเปนเฮเก้น สร้างจังหวะยิงไป 7 ครั้ง ไม่ตรงกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว (มีชนเสาไป 1 ครั้ง) ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0 : 0 ประตู
Photo credit : Getty Images
ครึ่งหลัง "เอริค เทน ฮาร์ก" กุนซือปีศาจแดง แก้เกมด้วยการส่ง คริสเตียน อีริคเซน ลงมาแทน โซฟียาน อัมราบัต เพื่อเพิ่มมิติในเกมรุก และก็ดูเหมือนจะได้ผล เพราะเกมเริ่มออกรสออกชาติมากขึ้น โดยที่ทั้งสองทีมต่างผลัดกันรุกและรับอย่างสนุก มีจังหวะยิงจะๆด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่เกมนี้ต้องยอมรับว่าผู้รักษาประตูต่างก็โชว์ฟอร์มหนึบด้วยกันทั้งคู่ แต่จนจนแล้วจนรอด ผ่านมาครึ่งทางของครึ่งหลังก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ จนเอริค เทน ฮาก ต้องส่งสำรองลงมาเพื่อแก้เกมอีกครั้ง โดยส่ง อาเลฆันโดร การ์นาโช ลงมาแทน แอนโทนี่ ที่เกมนี้เป็นอีกนัดที่โชว์ฟอร์มไม่ออก ส่วนอีกคนเป็น วิกตอร์ ลินเดอร์เลิฟ ลงมาเล่นแบ็คซ้ายแทน เซร์ฆิโอ เรกิลอน ที่สภาพร่างกายยังไม่ 100% และก็ดูเหมือนการเปลี่ยนตัวชุดนี้จะได้ผล
เพราะจากนั้นอีกประมาณ 10 นาทีต่อมา คือนาทีที่ 72' ปีศาจแดง ก็ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ ยูไนเต็ดได้ลูกเตะมุม บรูโน่ เฟอร์นันเดส เปิดเตะมุมเข้ามาหน้าประตู แต่ถูกผู้เล่นของโคเปนเฮเก้นสะกัดออกมา บอลมาเข้าเท้าคริสเตียน อีริคเซน ที่รอเก็บตกอยู่บริเวณเยื้องๆกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่บรรจงครอสไปที่เสาสอง แล้วก็เป็น แฮรรี่ แม็คไกวร์ ที่เกมนี้ได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงอีกครั้ง ใช้ความแข็งแก่งเบียดแทรกตัวเข้าไปโขกเข้าไปอย่างสวยงาม ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1 : 0 ประตู
Photo credit : Facebook : Manchester United
หลังจากที่โคเปนเฮเก้นเสียประตูก็พยายามเปิดเกมรุกใส่ปีศาจแดงมากขึ้นเพื่อหวังทวงประตูคืนและก็สร้างโอกาสหวาดเสียวอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่ปีศาจแดงก็อาศัยจังหวะสวนกลับและเกือบได้ประตูทิ้งห่างอยู่ 2-3 ครั้งเช่นกัน แต่เกมนี้ต้องชื่นชมผู้รักษาประตูของทั้งสองทีมที่โชว์ฟอร์มได้เหนียวหนึบจริงๆ จนเข้าสู่ช่วทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย ผู้มาเยือนได้ลูกเตะมุม ลูกขลุกขลิกกระเด้งอยู่หน้าปากประตูไปมา ก่อนที่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ จะพยายามสกัด แต่ว่า ศรีษระของ โมฮาเหม็ด เอลยูนูสซี่ ผู้เล่นโคเปนเฮเก้นไวกว่า ทำให้แทนที่ แม็คโทมิเนย์ จะสะกัดโดนบอล เลยสะกัดโดนตัวของเอลยูนูสซี่แทน แมนยูฯ เสียจุดโทษ พร้อมกับใบเหลืองของ แม็คโทมิเนย์ ซึ่งถือเป็นการทำเสียจุดโทษ 2 นัดติดของมิดฟิลด์ทีมชาติสกอตแลนด์รายนี้อีกด้วย
จอร์แดน ลาร์สสัน (ลูกชาย ของ เฮนริก ลาร์สสัน อดีตกองหน้าปีศาจแดง) เป็นผู้รับหน้าที่สังหาร ซึ่งถ้ายิงเข้าโคเปนเฮเก้นจะมีแต้มออกจากโอลด์แทรฟฟอร์ดทันที เขาเลือกยิงไปที่มุมซ้ายมือของผู้รักษาประตู และก็ถือว่ายิงได้ค่อนข้างดี เพียงแต่ว่า โอนาน่า ดีกว่า พุ่งเซฟเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม จนเพื่อนๆต่างวิ่งกรูเข้าไปแสดงความดีใจ และเกมก็จบลงเพียงเท่านี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้าน เอาชนะโคเปนเฮเก้นไปอย่างสุดดราม่า 1 : 0 ประตู เก็บชัยชนะนัดแรกในศึก UCL ฤดูกาล 2023/24 รอบแบ่งกลุ่ม ได้สำเร็จ ส่งยูไนเต็ดขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ของกลุ่มแทนที่โคเปนเฮเก้นทันที
Photo credit : Facebook : Manchester United
ส่วนอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน กาลาตาซาราย ก็เปิดบ้าน พ่าย บาเยิร์น มิวนิค ไป 1 : 3 ประตู ทำให้ เสือใต้ แข่งไป 3 นัด ชนะรวด เก็บไป 9 คะแนนเต็ม นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มต่อไป ส่วนกาลาตาซาราย รั้งอันดับสอง จากกาแข่งไป 3 นัด เก็บไป 4 คะแนน ซึ่งจากนี้เหลือการแข่งขันอีก 3 นัด (9 คะแนน) ก็ถือว่าโอกาสที่จะเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ยังคงเปิดกว้างสำหรับทุกทีม