อย่างเดือด!!! แมนยูฯ นำ 2-0 แต่แพ้ ถูก โคเปนเฮเก้นอัดแซง 4 - 3

                                                                                          เครดิตภาพ: via REUTERS

ครึ่งแรก   เป็นทางฝั่งผู้มาเยือนจากอังกฤษอย่าง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่ออกตัวได้จ้วดจ้าดกว่า และ

นาทีที่ 3' แมนยู ก็ได้ประตขึ้นนำก่อน จาากการการเติมเกมรุกขึ้นไปทางฝั่งขวาของ แอรอน แวน-บิสซากา แล้วหักทะลุช่องให้ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ หลุดไปถึงเส้นหลัง ก่อนที่จะตบเข้าไปหน้าปากประตู และเป็น ราสมูส ฮอยลุนด์ แท็ปอินเข้าไปไม่พลาด ปีศาจแดงออกนำจ้าวถิ่น 1 - 0 ประตู

หลังจากนั้น โคเปนเฮเก้น พยายามครองเกมบุกเพื่อหวังทำประตูคืนแต่ยังไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไหร่ ขณะที่ยูไนเต็ดก็เล่นรับอย่างรัดกุม และระหว่างเกมก็มีการหยุดเกมเป็นพักๆ เนื่องจากกองเชียร์ของเจ้าถิ่นมีการตะโกนด่าผู้เล่นยูไนเต็ด และรบกวนการแข่งขันจนเจ้าหน้าที่สนามต้องเข้าไปแก้ปัญหา

นาทีที่ 28' โคเปนเฮเก้น พยายามบุกใส่ยูไนเต็ด แต่ทำพลาดถูก บรูโน่ แฟร์นันเดส ตัดบอลได้ ก่อนที่จอมทัพชาวโปรตุเกส จะแทงทะลุช่องให้ อเลฮานโดร การ์นาโช เลี้ยงจี้เข้าไปในเขตโทษ ก่อนที่จะซัดไปที่เสาสอง บอลทำท่าว่าจะเสียบมุม แต่ คามิล กราบาร่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นพุงปัดไว้ได้ บอลทะลักมาเข้าทางของ ราสมูส ฮอยลุนด์ ที่อยู่แถวนั้น วิ่งเข้าไปแบซ้ำเข้าไปง่ายๆ เป็นประตูที่ 2 ของ ฮอยลุนด์ และช่วยให้แมนยูขึ้นนำโคเปนเฮเก้นเป็น 2 - 0 ประตู   เกมทำท่าว่าจะเป็นของแมนยู อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก  แต่จุดเปลี่ยนของเกมก็มาถึง

นาทีที่ 42' มาคัส แรชฟอร์ด พยายามจะบังบอล แต่เท้าดันไปย่ำเข้าที่ข้อเท้าของผู้เล่นโคเนเฮเก้น ผู้ตัดสินเช็ค VAR อยู่นาน ก่อนที่ จะตัดสินใจแจกใบแดงไล่แรชฟอร์ดออกจากสนาม  แมนยูเหลือผู้เล่น 10 คน และคล้อยหลังจากนั้นไม่นาน

นาทีที่ 45' เจ้าถิ่นก็ได้ประตูตีตื้นจาก ดิโอโก้ กอนซัลเวส ตบบอลไปหน้าประตู และเป็น โมฮาเหม็ด เอลยูนูสซี่ กองหน้าทีมชาติโมรอคโค แบเข้าไป โคเปนเฮเก้น ไล่มาเป็น 1 - 2  ประตู

และช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 45+9 โคเปนเฮเก้นก็มาได้ประตูตีเสมอ จากการที่แฮรรี่ แมคไกวร์ ทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเช็ค  VAR และให้เป็นลูกจุดโทษ แล้วก็เป็น ดิโอโก้ กอนซัลเวส สังหารเข้าไปไม่พลาด  โคเปนเฮเก้น ตีเสมอยูไนเต็ดเป็น 2 - 2 

                                                                                            เครดิตภาพ: via REUTERS

ครึ่งหลัง  แมนยูเปลี่ยน โซฟียาน อัมราบัต ลงมาแทนคริสเตียน เอริคเช่น  ขณะที่เจ้าบ้านอย่างโคเปนเฮเก้น ก็เปลี่ยน  รูนี บาร์ดจี กองหน้าดาวรุ่งวัยเพียงแค่ 17 ปี ลงมาแทน โมฮาเหม็ด เอลยูนูสซี่ 

นาทีที่ 69'  แมนยู ที่เหลือ 10 คน ก็มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากการที่กองหลังของโคเปนเฮเก้นทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเช็ค VAR และชี้ไเป็นจุดโทษ แล้วก้เป็น บรูโน่ แฟร์นันเดส กับตันทีมปีศาจแดงซัดเข้าไปอย่างเด็ดขาด  แมนยูขึ้นนำเจ้าบ้านอีกครั้ง 3 - 2

หลังจากที่ถูขึ้นนำ ดูเหมือนเจ้าบ้านจะรู้สึกตัวว่ามีผู้เล่นมากกว่า เริ่มเปิดเกมรุกกดดันใส่ผู้มาเยือนอย่างหนัก จนกระทั่ง

นาทีที่ 83' จากจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม บอลไปเข้าทาง ราสมุส ฟัลค์ ก่อนที่จะบรรจงเปิดไปเสาสอง แล้วก็เป็น ลูคัส เลราเกอร์ ปาดหน้ากองหลังแมนยู ดีดจ่อๆเข้าไปไม่พลาด  โคเปนเฮเก้น ตีเสมอแมนยูเป็น 3 - 3 

นาทีที่ 87' โคเปนเฮเก้น ขึ้นบอลมาทางฝั่งซ้าย ก่อนที่จะเปิดมาลุ้นหน้าปากประตู แนวรับชองยูไนเต็ดสะกัดออกมา แต่มาเข้าทาง รูนี บาร์ดจี กองหน้าวัย 17 ปี วอลเลย์กดลงพื้นพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม ช่วยให้เจ้าถิ่นขึ้นนำยูไนเต็ดเป็นครั้งแรก  และนี่ก็กลายเป็นประตูชัย เพราะหลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ทำประตูเพิ่มไม่ได้  หมดเวลาการแข่งขัน โคเปนเฮเก้น แซงชนะยูไนเต็ดอย่างสุดมัน 4 - 3