ลิเวอร์พูลหมดหวังคว้าแชมป์ยุโรปปิดฉากยุคสมัย ‘เจอร์เก้น คล็อปป์’ หลังเอาชนะอตาลันต้าได้ แต่ยังตกรอบ
"หงส์แดง" บุกไปเยือนอิตาลีเพื่อหวังล้างแค้นหลังจากแพ้คาบ้าน 0-3 ในเลกแรก ถึงแม้จะควบคุมเกมได้ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยิงประตูเพิ่มได้ ทำให้แพ้ไปด้วยสกอร์รวม 1-3
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงจุดโทษให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำในนาทีที่ 7 หลังจาก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โครสไปโดนแฮนด์บอล แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ยิงพลาดโอกาสทองในการช่วงท้ายครึ่งแรก และในครึ่งหลังทีมของคล็อปป์ก็ไม่สามารถสร้างโอกาสลุ้นประตูได้อย่างชัดเจน ถือเป็นช่วง 12 วันอันเลวร้ายของลิเวอร์พูล หลังจากที่พวกเขายังเสมอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแพ้คาบ้านให้กับคริสตัล พาเลซ ส่งผลให้หล่นจากจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก
ตอนนี้เป้าหมายต่อไปของลิเวอร์พูลคือการลุ้นแชมป์ลีก โดยพวกเขารั้งอันดับ 3 ตามหลังอาร์เซนอล (อันดับ 2) และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 1) อยู่ 2 คะแนน การแข่งขันลีกจึงเป็นโอกาสสุดท้ายของลิเวอร์พูลที่จะมอบแชมป์เป็นการปิดฉากการคุมทีม 8 ปีครึ่งของคล็อปป์ในเมอร์ซีย์ไซด์ และยังเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากแชมป์คาราบาว คัพ ในเดือนกุมภาที่ผ่านมา
ลิเวอร์พูลขาดไอเดียสร้างสรรค์ในเกมรุก ส่งผลต่อแชมป์ฤดูกาลที่อาจเลือนลอยไป
แท้จริงแล้ว ลิเวอร์พูลน่าจะแพ้ตั้งแต่เลกแรกที่แอนฟิลด์ คล็อปป์ บอกว่าพวกเขาต้องการเล่นให้ได้อย่าง "สมบูรณ์แบบ" ในอิตาลี เพื่อผ่านเข้ารอบแม้ว่าจะมีโอกาสครองบอลมากกว่า 70% แต่ฟอร์มการเล่นของลิเวอร์พูลยังห่างไกลจากจุดที่ดีที่สุด พวกเขาขาดความเฉียบคมในแนวรุก และด้วยการที่ ดาร์วิน นูญเญซ ตัวสำรองที่มีความเร็วไม่ได้ลงสนามตั้งแต่ต้น ทำให้พวกเขาไม่สามารถทะลุแนวรับของอตาลันต้าและดึงเกมให้ขยายออกได้
คล็อปป์ ส่งตัวสำรองลงสนามไล่หลัง นูญเญซ, ดิโอโก โชต้า และเอลเลียตต์ในช่วง 25 นาทีสุดท้าย แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก เนื่องจากหงส์แดงยิงเข้ากรอบในครึ่งหลังเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น สถิติ "ประตูที่คาดว่าจะได้" ของพวกเขาในครึ่งหลังนั้นน้อยนิดเพียง 0.11 ซึ่งสะท้อนถึงการขาดคุณภาพในการสร้างสรรค์เกมรุก
อตาลันต้า ทีมอันดับ 6 ของกัลโช่ เซเรียอา ตามหลังอินเตอร์ มิลาน จ่าฝูงอยู่ 32 แต้ม แต่พวกเขาเล่นได้ยอดเยี่ยมในเกมนี้ ยังป้องกันได้อย่างเหนียวแน่นและโจมตีด้วยความคิดสร้างสรรค์ และสมควรที่จะคว้าชัยชนะไปได้ อตาลันต้าจะเข้ารอบไปพบกับโอลิมปิก มาร์กเซย ในรอบรองชนะเลิศ