ซีเนดีน ซีดาน : ผู้จัดการทีมผู้พาเรอัล มาดริดสู่ยุคทองแห่งแชมเปียนส์ลีก
ในฤดูกาลแรก ซีดานพาเรอัล มาดริดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions League) ได้ทันที จากนั้นในปี 2017 และ 2018 เขายังนำทีมป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ รวมเป็นการคว้า “บิ๊กเอียร์” ติดต่อกัน 3 สมัย ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่เคยมีผู้จัดการทีมคนใดทำได้มาก่อนในยุคสมัยใหม่ ผลงานดังกล่าวทำให้ชื่อของเขาได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรปในฐานะกุนซือผู้สร้างยุคทองของราชันชุดขาวอย่างแท้จริง
ภายใต้การคุมทีมของซีดาน เรอัล มาดริดยังคว้าแชมป์
- ลาลีกา (La Liga) 2 สมัย
- แชมป์สโมสรโลก (FIFA Club World Cup) 2 สมัย
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ และซูเปอร์โกปา เด เอสปันญาอีกหลายครั้ง
จุดเด่นของซีดาน คือการบริหารจัดการนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์อย่างมีสมดุล เขาสามารถดึงศักยภาพสูงสุดจากผู้เล่นสำคัญอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส, และ เซร์คิโอ รามอส จนเรอัล มาดริดกลายเป็นทีมที่ทั้งแข็งแกร่งและมีเอกลักษณ์ในการเล่นเกมรุกที่สง่างาม
แม้จะอำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมในปี 2018 และกลับมาคุมทีมอีกครั้งในปี 2019 ก่อนอำลาในปี 2021 แต่รอยเท้าของซีดานยังคงเป็นเครื่องหมายแห่งความยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเรอัล มาดริด เขาไม่เพียงนำสโมสรก้าวสู่ความสำเร็จสูงสุดในเวทียุโรป แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้จัดการทีมรุ่นใหม่ทั่วโลก ว่า “ความสงบ ความเข้าใจในเกม และการเชื่อใจนักเตะ” สามารถสร้างตำนานได้โดยไม่ต้องใช้เสียงตะโกน
ผลงานของซีเนดีน ซีดานกับเรอัล มาดริด จึงไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จในสนามเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงปรัชญาการบริหารทีมที่เน้นความสามัคคีและความเคารพระหว่างผู้เล่นกับโค้ช ซึ่งทำให้เขาได้รับการจดจำในฐานะหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ สโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริด และของโลกฟุตบอลสมัยใหม่อย่างแท้จริง